ม.จ.จุลเจิม โพสต์ สงสารในหลวง ชี้ศาลเมตตาเกินไป

ม.จ.จุลเจิม โพสต์ สงสารในหลวง ชี้ศาลเมตตาเกินไป

ม.จ. จุลเจิม ยุคล หรือ ท่านใหม่ โพสต์ Facebook ส่วนตัวระบุว่า: “จริงๆแล้วสงสาร พระเจ้าอยู่หัว เมื่อพวกมันกระทำความผิดต่อกฏหมาย ซึ่งผิดต้องผิด จะลงโทษมากน้อยแค่ไหนแล้วแต่ศาล ไม่ต้องเกรงเสียภาพพจน์ ศาล และท่านผู้พิพากษา บางครั้งท่านก็มีความเมตตาเกินควร จับ แล้วก็ปล่อย ให้ประกัน จับแล้ว ก็ปล่อย ให้ประกัน ซึ่ง ศาล และท่านผู้พิพากษาได้ทำทุกอย่างแล้ว แม้แต่ทำสัญญาต่อศาล ไม่ต้องวางเงินค้ำประกัน แต่พวกนั้นไม่สนใจ กับทำผิดซ้ำซาก เหมือนไม่กลัวเกรง กฏหมาย และศาลสถิตยุติธรรม กันเลย (จริงๆแล้วก็ไม่กลัวเกรง อำนาจรัฐด้วย) เหมือนคนบ้า เหมือนคนไม่มีสติสัมปชัญญะ เหมือนหมาบ้า ได้ใจกัน ผมในฐานะ ประชาชน คนไทย ขอเรียนชี้แจงต่อกระบวนการยุติธรรม ว่า

สถาบัน และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดำรงอยู่ในฐานะพระประมุขของประเทศ 

ทรงเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะล่วงละเมิด หรือใช้สิทธิและเสรีภาพให้เป็นปฏิปักษ์ในทางหนึ่งทางใดมิได้ การกระทำที่เป็นความผิดนั้นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมด มิใช่ลำพังจะพิจารณาแต่คำพูดของผู้กระทำเท่านั้น แต่หมายความรวมทั้งกระทำ ทั้งคำพูด ทั้งกิริยาอาการ และสถานที่ที่มุ่งประสงค์จะเป็นจุดเกาะเกี่ยวที่สื่อให้คนทั่วไปเห็นได้ว่าเกี่ยวข้องกับองค์พระมหากษัตริย์ และการกระทำดังกล่าวนั้นทำโดยมีเจตนาให้องค์พระมหากษัตริย์เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ลดด้อยความเป็นประมุขของประเทศตามรัฐธรรมนูญ เป็นความผิดที่ประเทศชาติเสียหาย มิใช่เฉพาะพระองค์ท่าน

ม.จ. จุลเจิม ยุคล ผมขออนุญาตคัดลอกข้อความของ ท่าน สว สมชาย แสวงการ มาให้อ่านกัน ถ้ายังไม่ผ่านสายตา กระบวนการยุติธรรมจักต้องเดินหน้ายุติเรื่องด้วยความเป็นธรรม

อาจารย์นักกฎหมายผู้ใหญ่ของประเทศกล่าวให้ความเห็นทางกฎหมายต่อผม ที่ส่วนตัวเขื่อว่าจะเป็นประโยชน์ที่ผู้มีหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมจะได้ประกอบการพิจารณา ต่อกรณีที่กลุ่มบุคคลได้กระทำการผิดหมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ต่างกรรมต่างวาระซ้ำซาก ท้าทายไม่เคารพยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง อันเป็นความผิดต่อความมั่นคงของชาติ และทำร้ายต่อความรู้สึกจิตใจของพสกนิกรชาวไทยทั้งปว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดำรงอยู่ในฐานะพระประมุขของประเทศ ทรงเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะล่วงละเมิด หรือใช้สิทธิและเสรีภาพ ให้เป็นปฏิปักษ์ในทางหนึ่งทางใดมิได้

การกระทำที่เป็นความผิดนั้นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมด มิใช่ลำพังจะพิจารณาแต่คำพูดของผู้กระทำเท่านั้น แต่หมายความรวมทั้งกระทำ ทั้งคำพูด ทั้งกิริยาอาการ และสถานที่ที่มุ่งประสงค์จะเป็นจุดเกาะเกี่ยวที่สื่อให้คนทั่วไปเห็นได้ว่าเกี่ยวข้องกับองค์พระมหากษัตริย์ และการกระทำดังกล่าวนั้นทำโดยมีเจตนาให้องค์พระมหากษัตริย์เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ลดด้อยความเป็นประมุขของประเทศตามรัฐธรรมนูญ เป็นความผิดที่ประเทศชาติเสียหาย มิใช่เฉพาะพระองค์ท่าน หากชาวต่างชาติกระทำในลักษณะนี้เราคงต้องดำเนินการ แต่นี่มันเป็นคนไทยเรากันเอง คงจะปล่อยให้ทำต่อไปไม่ได้

แม่จ่านิว รอดคดี ม.112 หลังพิมพ์ “จ้า” ตอบแชทเพื่อนลูกชาย

ศาล ตัดสิน พิพากษา! แม่จ่านิว รอดคดี ม.112 หลังพิมพ์ข้อความ “จ้า” ตอบกลับเพื่อนลูกชายเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความลงทวิตเตอร์ระบุว่าศาลอาญาพิพากษายกฟ้องคดี ม.112 ของพัฒน์นรี “แม่จ่านิว” กรณีแชท จ้า ตอบข้อความในแชทส่วนตัว ซึ่งศาลชี้จำเลยพิมพ์ “จ้า” เพื่อตัดบท คำว่า “จ้า” ไม่ได้สื่อความหมายเป็นการเห็นด้วยใดๆ กับข้อความ การนำสืบของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายกฟ้อง

ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หรือวันที่ 6 พฤษภาคม 2559 ศาลทหารกรุงเทพอนุมัติหมายจับตามคำขอของพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)

ให้จับกุมนางสาวพัฒน์นรี หรือหนึ่งนุช ชาญกิจ มารดาของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” ในข้อหาร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

หลังจากที่เธอพิมพ์ข้อความคำว่า “จ้า” ขณะกำลังพูดคุยกับนาย บุรินทร์ อินติน เพื่อนของลูกชาย โดยอัยการศาลทหารระบุว่า คำว่า “จ้า” เป็นการแสดงความเห็นว่ายอมรับและเห็นด้วยกับข้อความที่นายบุรินทร์โพสต์

ดังนั้น หากปล่อยให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารราชการแผ่นดินต่อไปจะทำให้ประชาชนติดเชื้อและเสียชีวิตมากยิ่งขึ้นจนไม่สามารถที่จะหาสถานที่ฌาปนกิจได้ทันและเพียงพอ และไม่มีหนทางที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ ประชาชนจะต้องทนทุกข์ทรมาน ทั้งจากโรคและการดำรงชีวิต บ้านเมืองจะไร้ซึ่งความสงบสุขร่มเย็น อันจะนำมาซึ่งความหายนะของประเทศชาติอย่างแท้จริงตามที่มีการกล่าวกันว่า “ผู้นำโง่ เราจะตายกันหมด” เพราะคนโง่ คือ ภัยอันตรายร้ายแรงเมื่อได้กลายเป็นผู้มีอำนาจ

ดังนั้น จึงเห็นว่าสามารถตัด 10 เปอร์เซนต์ได้ และครั้งต่อไปไม่อยากให้มีการจัดทำงบประมาณแบบนี้อีก เพราะทูตก็เป็นข้าราชการคนหนึ่งไม่ได้สูงศักดิ์จนต้องมีเครื่องอำนวยความสะดวกมากขนาดนี้ และไม่อยากให้เป็นที่ครหา เพราะทูตก็เทียบเท่าอธิบดีคนหนึ่งเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องเอาเงินไปใช้ซื้อของฟุ่มเฟือยขนาดนี้

แนะนำ : รีวิวเครื่องใช้ไฟฟ้า | รีวิวอาหารญี่ปุ่น| รีวิวที่เที่ยว | ดาราเอวี